มูร์มานสก์กลายเป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งขั้วโลกเหนือ นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเพื่อไปล่าแสงเหนือที่เมืองแห่งนี้ ไม่ใช่เพราะว่ามูร์มานสก์เป็นเมืองเดียวของประเทศรัสเซียที่เกิดแสงเหนือ แต่เป็นเมืองที่สะดวกสบายในการเดินทาง มีโรงแรม ที่พัก และร้านอาหารครบครัน สภาพบ้านเมืองอาจจะดูเรียบง่าย กลิ่นอายของอารยธรรมโซเวียต ที่ประกอบใบด้วยตึกทรงสี่เหลี่ยมเรียบง่าย เน้นการใช้งานมากกว่าความหรูหรา รายล้อมไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม ท่าเรือ และป่าทุนดร้า แต่ใครเลยจะรู้ว่าเมืองแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองหน้าด่าน ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับเมืองสำคัญอีกหลากหลายเมืองทั้งมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว

        แม้มูร์มานสก์ถือว่าเป็นเมืองที่มีอายุน้อย หากเทียบกันเมืองอื่นๆของรัสเซีย แต่เมืองแห่งนี้ปรากฎเป็นครั้งแรกในบันทึกทางประวัติศาสตร์ในปี ​ค.ศ. 1915 โดยมีชื่อเดิมว่าโรมานอฟ นา มูร์มานสก์ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ทอดตัวยาวเลียบทะเลบาเรน ชายฝั่งอาร์คติคของขั้วโลก และเป็นฐานทัพของกองทัพอเมริกัน ฝรั่งเศสและอังกฤษในยุคสมัยดังกล่าว ด้วยความพิเศษของชายฝั่งที่มีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน ทำให้ท่าเรือแห่งมูร์มานสก์มีความพิเศษ กล่าวคือ แม้ว่าอุณหภูมิจะติดลบสักเพียงใด แต่ท่าเรือบริเวณแห่งนี้ไม่เคยเป็นน้ำแข็ง จึงสามารถทำการค้าได้ตลอดปี อีกทั้งด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรในมหาสมุทรบริเวณนี้ ทำให้มูร์มานสก์เป็นแหล่งผลิตปลาชั้นยอด ที่ดำเนินอุตสาหกรรมปลาทะเลส่งไปภูมิภาคต่างๆของประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของเมืองประสบปัญหาเป็นอย่างยิ่งภายหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และต้องใช้เวลานานกว่ามูน์มานสก์จะกลับกลายมามีบทบาทสำคัญ​ เป็นเมืองทางเศรษฐกิจอันดับต้นของโลกบริเวณชายฝั่งอาร์คติคดังเช่นปัจจุบัน

        แม้ว่ามูร์มานสก์จะมีความโดดเด่นในด้านเศรษฐกิจ แต่ความสำคัญทางด้านวัฒนธรรมของเมืองแห่งนี้ ก็นับได้ว่ามีความน่าสนใจ เนื่องจากแต่เดิมพื้นที่บริเวณแห่งนี้มีความหนาวเหน็บ ยากต่อการดำรงชีวิตของคนสมัยโบราณ แต่เผ่าซามี ชนเผ่าที่มีความคุ้นชินกับความหนาวเหน็บ อาศัยอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ ในพื้นที่นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดนและรัสเซียในปัจจุบัน ในอดีตชนเผ่าดำรงชีพซามีโดยการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ อาศัยอยู่ในกระโจมหนังกวาง มีความสามารถในการปรับตัวให้เคยชินกับสภาพอากาศที่โหดร้ายและทารุณ แม้ว่าในปัจจุบันจำนวนประชากรเผ่าซามีจะลดน้อยลง แต่ยังมีชนเผ่าบางกลุ่มที่หลงเหลือและยินดีจะนำเสนอภูมิหลังและความภาคภูมิใจของตนให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้

        แม้ว่ามูร์มานสก์จะไม่ใช่เมืองที่งดงามที่สุดของประเทศรัสเซีย แต่ด้วยธรรมชาติแบบขั้วโลก ชีวิตสไตล์โซเวียต กิจกรรมสุดแสนสนุก พร้อมของแถมสำหรับผู้โชคดีที่มีโอกาสจะได้พบเห็นแสงเหนือ ทำให้นักท่องเที่ยวล้วนแล้วแต่ประทับใจและหวนคิดถึงมูร์มานสก์อยู่เสมอ