ตะลุย”มอสโก”กับททท ชมความอลังการ”จตุรัสแดง”
หอนาฬิกาตั้งเด่นเป็นสง่าหน้าพระราชวังเครมลิน กลางกรุงมอสโก
ไม่น่าเชื่อ “สหพันธรัฐรัสเซีย” ที่เพิ่งเปิดประเทศได้เพียงแค่ 10 กว่าปี แต่กลับมีความน่าสนใจไม่น้อย ทั้งในแง่ของการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวที่เกือบทุกประเทศในโลกใบนี้กำลังเฝ้าจับมอง ส่วนประเทศไทยเองแม้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียมานานกว่า 100 ปีแล้วก็ตาม แต่ในแง่ความร่วมมือในเชิงธุรกิจระหว่างกันกลับอยู่ในขั้นแค่เริ่มต้น
มีโอกาสติดตามคณะของรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหารระดับสูงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) นำโดยนายชุมพล ศิลปอาชา ร่วมงานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว”MATIW- Leisure 2009″ ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ในระหว่างวันที่ 22-25 กันยายน 2552 ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนถึงสถานการณ์ทางการท่องเที่ยวไทย
ทันทีที่นกเหล็กการบินไทยทะยานลงเตะรันเวย์สนามบินโดโมดีโดโว(Domodedovo)ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมอสโก ตอนประมาณ 5 โมงเย็น หรือราว 2 ทุ่มเศษตามเวลาประเทศไทย หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็ต่างกรูกันขึ้นรถแวนที่มารอรับ ก่อนมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองมอสโก ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินราว 70 กิโลเมตรเศษ แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพราะต้องเจอกับสภาพรถติด ซึ่งเป็นปัญหาเหมือน ๆ กันของเมืองใหญ่ทั่วโลก
ด้วยความอ่อนล้าจากเดินทางที่ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมงครึ่ง ทำให้คณะของเรา ซึ่งประกอบด้วยคุณพีระพัฒน์ เอี่ยมขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ททท.และคุณพูลเดช กรรณิการ์ จากนสพ.ไฮไลท์การเมือง จำเป็นต้องยกเลิกโปรแกรมชมบรรยากาศยามราตรีย่านถนนอาราบัต แหล่งถนนคนเดิมอันเลื่องชื่อเพื่อมุ่งสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Sokolniki ในทันทีหวังพักเอาแรงตะลอนต่อในวันรุ่งขึ้น เช้าวันต่อมาหลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยทุกคนต่างก็มุ่งสู่ที่หมายแรกคือ“จตุรัสแดง” สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ที่ทุกคนมาเที่ยวมอสโกจะต้องไปเยือน
แม้ทริปนี้ทุกคนจะจนปัญญากับภาษารัสเซีย แต่ก็โชคดียังมีน้องเฟร์น “อลิสา สินนา” นักศึกษาไทยในมอสโกมาช่วยเป็นล่ามและทำหน้าที่ไกด์บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง หลังจากยลความงามวิหารเซนต์บาร์ซิล แหล่งรวมสุดยอดความอลังการสถาปัตยกรรมรัสเซียอยู่พักใหญ่ จึงเดินไปชมความอลังการของจตุรัสแดง ซึ่งอยู่ห่างกันไม่มากนักและติดกับจตุรัสแดงทางทิศเหนือนั้นก็จะมีห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ระดับหรูคู่กับชาวรัสเซียมาอย่างยาวนานมีชื่อว่า“กุม” แหล่งช็อปของคนชั้นกลางและสูงในอดีต ปัจจุบันจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลายและผลิตภัณฑ์อาหารทางด้านการเกษตรจากทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรจากประเทศไทย
หลังการเดินสำรวจภายในห้างพบว่าเปิดให้บริการ 3 ชั้น แต่ละชั้นจะจำหน่ายสินค้าที่แตกต่างกันไป โดยชั้นบนสุดส่วนใหญ่จะเน้นเป็นร้านอาหาร ซึ่งมีให้เลือกมากมายในหลากหลายสไตล์ ส่วนชั้นกลางก็จะเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้าและสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ในขณะที่ชั้นล่างสุดจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและจำพวกอาหารทะเลสด ๆ จำพวกพืช ผัก ผลไม้ กุ้ง หอย ปู ปลา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของเครื่องปรุงและเครื่องเทศนานาชนิดจากทั่วทุกมุมโลกมาวางจำหน่าย ส่วนราคานั้นจะค่อนข้างแพง เนื่องจากเป็นสินค้าคัดเกรดอย่างดีระดับพรีเมี่ยม
จากการสอบถาม เซริเก้ พนักงานขายผลไม้ประจำห้างชาวรัสเซียน บอกผ่านล่ามคนไทยว่าที่นี่มีผลไม้เกือบทุกชนิดมาวางจำหน่ายให้กับลูกค้า ผลไม้ทุกลูกจะคัดเกรดอย่างดีทำให้ราคาค่อนข้างสูงกว่าที่วางจำหน่ายในตลาดสดทั่วไป ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวรัสเซีย โดยผลไม้ที่ได้รับความสนใจส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกองุ่น แอปเปิ้ล ส้มชนิดต่าง ๆ และมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งเป็นผลไม้นำเข้าจากประเทศไทย ก็ติดอันดับผลไม้ยอดนิยมของชาวรัสเซียด้วย
“ที่นี่ผลไม้จากไทยจะได้รับความนิยมมาก เมื่อเทียบกับผลไม้ที่นำเข้าจากจีนหรือประเทศในยุโรปหรือแม้กระทั่งที่ปลูกในรัสเซียเอง โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้จะได้รับความสนใจมากที่สุด ส่วนราคาจำหน่ายจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 525 รูเบิ้ล(1 รูเบิ้ลเท่ากับ1.2 บาทไทย) หนึ่งกิโลก็ประมาณ 3-4 ลูกหรือลูกละ 100 กว่ารูเบิ้ล”พนักงานขายคนเดิมเผยข้อมูลมะม่วงน้ำดอกไม้ผลไม้ขึ้นชื่อของไทย
ถัดจากแผงผลไม้ก็จะเป็นล็อกจำหน่ายจำพวกอาหารทะเลสดและผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป จำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา เช่นปลาเทร้า ปลาแซลมอล ซึ่งเป็นปลาพื้นเมืองของรัสเซีย ยกเว้นกุ้งที่นำเข้าจากประเทศไทยและเวียดนาม จะต่างกันก็ตรงที่กุ้งไทยจะตัวใหญ่กว่า โดยการนำเข้ามาของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัดหรือซีพีเอฟ. ซึ่งเป็นภาคเอกชนไทยรายแรก ๆ ที่เข้าไปเจาะตลาดสินค้าเกษตรไทยในกรุงมอสโก
ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของไทยเท่าที่สังเกตุส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องปรุงสำเร็จรูป อาทิ ครีมกะทิห่อละ 174 รูเบิล กะทิสดกล่องละ 150 รูเบิล เส้นหมี่ผัดไทยห่อละ 208 รูเบิล น้ำปลาแท้ขนาด 200 กรัม 174 รูเบิลและน้ำจิ้มไก่ขวดละ 250 รูเบิล ซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดที่วางจำหน่ายนั้น มีปริมาณและขนาดขนาดเดียวกับที่วางจำหน่ายในประ เทศไทย
หลังใช้เวลาเดินสำรวจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปภายในห้างอยู่พอสมควร จากนั้นเราจึงรีบเดินทางไปยังสำนักงานการท่องเที่ยวประจำมอสโก เพื่อให้ทันพิธีเปิดอาคารสำนักงานใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา”ชุมพล ศิลปอาชา”ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีในเวลาบ่ายสองโมงตรง
บ่ายสองโมงตรง”ชุมพล ศิลปอาชา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะเดินทางมาถึงที่ทำการใหม่ททท.สำนักงานมอสโก ย่านกิโต้โกโด ซึ่งเป็นย่านธุรกิจใจกลางกรุงมอสโก จากนั้นเป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้นเพื่อเปิดสำนักงานใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมรับฟังสถานการณ์การท่องเที่ยวสหพันธรัฐรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชหรือ CIS Countries จากนายวิษณุ เจริญศิลป์ ผู้อำนวยการททท.สำนักงานมอสโก
ชุมพลกล่าวถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานใหม่ว่า สหพันธรัฐรัสเซีย นับเป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่ใหญ่และมีศักยภาพสูง แม้ว่าจะเพิ่งเปิดประเทศมาได้เพียง 10 กว่าปี ด้วยเหตุที่มีประชากรกว่า 142 ล้านคนและถ้าหากรวมกับประชากรในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชหรือ CIS Countries แล้วยิ่งทำให้เป็นตลาดที่ใหญ่ถึง 260 ล้านคน การที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคนี้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 3-4 แสนคนต่อปีและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจากภูมิภาคนี้ให้ความสนใจประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ดังนั้นหากประเทศไทยได้ศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมและทัศนคติของชาวรัสเซียอย่างลึกซึ้งก็จะสามารถเข้าไปถือครองสัดส่วนตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคนี้ได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากในขณะที่ประเทศไทยเองก็มีสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหาดทราย ชายทะเล ศิลปวัฒนธรรมหรือแม้กระทั่งอาหารไทย ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า 100 ปี
“ผมจึงคิดว่าการที่ททท.มาจัดตั้งสำนักงานททท.ขึ้นในประเทศนี้ จึงนับว่าเป็นการมองการณ์ไกลที่ถูกต้องแล้ว เพราะไม่เพียงแต่จะมีโอกาสได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เพิ่มขึ้น ยังสนับสนุนให้เกิดความนสัมพันธ์ที่ดีของประชากรทั้งสองประเทศด้วย”รมว.ท่องเที่ยวฯยืนยัน”
เขาระบุอีกว่า จากข้อมูลในปี 2551 มีนักท่องเที่ยวจากสหพันธรัฐรัสเซีย เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนสูงถึง 319,583 คนเพิ่มจากปี 2550 ถึงร้อยละ 14.23 โดยนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยกว่า 16,241 ล้านบาท ทว่าจากปัจจัยทั้งด้านสภาวเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำและปัญหาความมั่นคงทางการเมืองของประเทศไทยได้ส่งผลกระทบทางลบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นแล้วสหพันธรัฐรัสเซียเองก็เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้นททท.จึงคาดการณ์ว่าในปี 2552 นี้นักท่งอเที่ยวจากรัสเซียจะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทืยลดลงร้อยละ 16 หรือประมาณ 265,000 คน
หากพิจารณาจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาท่งอเที่ยวประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 150,000 คน ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ถึงร้อยละ 24 อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ในตลาดรัสเซียได้รับงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมจากงบประมาณปกติ ได้แก่งบกระตุ้นตลาดเร่งด่วนและงบไทยเข้มแข็งเพื่อมาดำเนินการจัดโครงการกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งได้มีการเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2552 เป็นต้นมา อาทิ โครงการ Bring Back Smile to Thailand Mega FAM ,โครงการ AmazingThailand Amazing Value Big Screen,โครงการ Friends to Thailand,โครงการWelcome to thailand Mega FAMและโครงการPartner on Demand
“ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศรัสเซียเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ประกอบกับช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำมายังประเทศไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจึงเป็นที่คาดหมายได้ว่าในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2552 จำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจะมีจำนวนถึง 170,000 คน ซึ่งหากรวมกับช่วง 6 เดือนแรกแล้วจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยมีจำนวนถึง 320,000 คน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ททท.ได้คาดการณ์ไว้”ชุมพลกล่าวย้ำ
เช้าวันต่อมาหลังรับประทานอาหารเช้าทั้งหมดก็ออกเดินทางไปร่วมพิธีเปิดงาน” MATIW (Moscow Autumn Travel Industry Week) Leisure 2009 ณ อาคารจัดนิทรรศการ Crocus Expo ชานกรุงมอสโก ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในฐานะเจ้าภาพร่วมกับสหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีประเทศเข้าร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์กว่า 50 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ มาเลเซีย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย ฯลฯ
จากการเดินสำรวจการออกบูธประชาสัมพันธ์ของประเทศต่าง ๆ พบว่าประเทศไทยโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดพร้อมกับการตกแต่งอย่างอลังการร่วมกับภาคเอกชน กลุ่มโรงแรมที่พักประเภทหรูหรา อาทิ บูติคโฮเตล บีช รีสอร์ท ระดับ 5 ดาว นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการนวดสปาแผนไทย สาธิตวิธีทำร่มจากศูนย์หัตถกรรมบ่อสร้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และกิจกรรมที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง นอกจากนี้ยังมีกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยามาร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยด้วย
นี่เป็นส่วนหหนึ่งของการเดินทางตะลุยกรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซียเพื่อโรดโชว์งานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวในสหพันธรัฐรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช(CIS) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)
ขอขอบคุณที่มาจาก : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=511931
No Comments