เล่าเรื่องเมืองเก๊าเก่า…..เมืองคาซาน

คาซาน รัสเซีย

เมืองคาซานเป็นเมืองหนึ่งที่น่าสนใจของรัสเซียและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่มากมาย เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน (республика татарстан) ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศรัสเซีย นะจ๊ะ บางคนพอพูดชื่อรัฐนึกว่าเป็นต่างประเทศกันซะงั้น

เมืองนี้น่าสนใจก็ตรงที่เป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างสองวัฒนธรรมคือ ออโทดอกส์กับอิสลาม ในดินแดนแถบนี้ยุคหนึ่งศาสนาอิสลามมีความเฟื่องฟูมาก และในปัจจุบันก็มีทั้งผู้คนที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์อาศัยอยู่ร่วมกัน

หากได้มีโอกาสไปเยือนเมืองนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ไปเยือน คาซานเครมลิน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง สถาปัตยกรรมก็เป็นแบบผสมผสานระหว่างคริสต์ออโทดอกส์และอิสลาม สถานที่แห่งนี้มีประวัติอันยาวนานและมีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ของรัสเซียเป็นมาก ปัจจุบันเครมลินไม่เพียงแต่เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ และเป็นที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นที่พำนักของประธาณาธิบดีสาธารณรัฐตาร์ตาร์สถานอีกด้วย และในทุกๆ ปี ณ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดนิทรรศการที่มีชื่อว่า «Kremlin Live» ที่จะเชิญบรรดานักดนตรีที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกมาจัดแสดงร่วมกัน และเนื่องด้วยความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมรวมถึงเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญนี่เอง ปัจจุบันคาซานเครมลินได้อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การยูเนสโก

สถานที่ที่น่าสนใจบริเวณใกล้ๆ กัน ที่ใครไปก็ต้องไปเที่ยวก็คือ ซูยูมบิกา ทาวเวอร์ (Башня Сююмбике) โดยมีตำนานเล่าขานกันมาว่า พระเจ้าอีวานจอมโหดได้ตกหลุมรักกับเจ้าหญิงแสนสวยในเมืองนี้ที่ชื่อว่า เจ้าหญิงซูยูมบิกา และต้องการแต่งงานด้วย แต่ได้รับการปฏิเสธ พระเจ้าอีวานจึงยกทัพไปตีเมืองคาซาน ในที่สุดเจ้าหญิงซูยูบิกาก็ยอมตกลงแต่งงานด้วย แต่ตั้งข้อแม้ว่า ภายในเจ็ดวันจะต้องสร้างหอคอย 7 ชั้นให้เสร็จ หลังจากที่พระเจ้าอีวานสร้างหอคอยนี้เสร็จสิ้นตามสัญญา เนื่องจากเจ้าหญิงซูยูมบิกานั้นหลงรักชายคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว และด้วยความผิดหวังหล่อนจึงกระโดดมาจากชั้น 7 ของหอคอยแห่งนี้เพื่อฆ่าตัวตาย และในที่สุดสถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม หอคอย ซูยูมบิกา

ไม่ไกลจากกันนักเป็นที่ตั้งของมัสยิดกุลชารีฟ (Мечеть Кул Шариф) ที่ถือเป็นมัสยิดกลางที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่มากของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน ชื่อของมัสยิดนี้เป็นชื่อของนักบุญชาวมุสลิมที่อยู่ในยุคที่อิสลามกำลังเฟื่องฟูในดินแดนแห่งนี้ เขาถูกฆ่าตายในปี 1552 ยุคของพระเจ้าอีวาน มัสยิดแห่งนี้ในที่สุดก็ถูกพระเจ้าอีวานสั่งเผาและสั่งให้ทำลายจนหมดสิ้น สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านพ้นไปเกือบ 500 ปี โดยมีการสร้างมัสยิดหลังใหม่ขึ้น (มัสยิดกุลชารีฟในปัจจุบัน) เมื่อปี 2005 ในการสร้างมัสยิดแห่งนี้ใช้ช่างก่อสร้างจากตุรกี โคมไฟด้านในตัวมัสยิดสั่งจากประเทศเชค หินแกรนิตและหินอ่อนนำมาจากอูราล ภายในมัสยิดกว่า 2000 ตารางเมตรถูกปูด้วยพรมเปอร์เซียซึ่งอีหร่านมอบให้เป็นของขวัญ นอกจากในมัสยิดแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสถานที่ในการทำศาสนกิจแล้ว ในชั้นใต้ดินยังเป็นมิวเซียมให้เข้าไปศึกษาวัฒนธรรมของเมืองคาซานอีกด้วย

FB: sayhirussia