สำหรับผู้ที่มีหัวใจรักในธรรมชาติและชอบความเป็นที่สุด ทะเลสาบไบคาลถือเป็นเส้นทางธรรมชาติอันเป็นที่สุดที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ไปเยือน เป็นแน่แท้ ด้วยอายุกว่า 25 ล้านปี ทำให้ทะเลสาบไบคาลเป็นทะเลสาบที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีความลึกและใสบริสุทธิ์ที่สุด จนได้รับการบันทึกลงในบัญชีรายชื่อมรดกโลกให้เป็นมรดกทางด้านธรรมชาติอันหาทะเลสาบแห่งใดเปรียบ ภายใต้ผืนน้ำอันกว้างใหญ่และบริสุทธิ์ ลึกกว่า 1,637 เมตร ทะเลสาบไบคาลเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์กว่า 1,700 ชนิด และสิ่งมีชีวิตโดยมากเหล่านี้ไม่พบในที่อื่นใด โดยเฉพาะแมวน้ำน้ำจืดสายพันธ์เดียวในโลก ที่ถือเป็นพระเอกของทะเลสาบ หากแต่ยากนักที่จะได้มีโอกาสได้ชม

        ทะเลสาบอันแสนกว้างใหญ่ของทะเลสาบไบคาล พาดผ่านเมืองสำคัญหลายเมือง หนึ่งในนั้นคือเมืองอีร์คุตสก์ ที่เป็นเมืองด่านแรก รอต้อนรับจากเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพ ถือเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในละแวกริมชายฝั่งไบคาล พรั่งพร้อมไปด้วยที่พักและร้านอาหาร แหล่งชอปปิ้งครบครัน อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว หากแต่เป็นเกาะอัลโฮน ใจกลางทะเลสาบไบคาล อันเป็นจุดชมทัศนียภาพแปลกตา ความยื่งใหญ่ของทะเลสาบและธรรมชาติ ผสานและรวมกันเป็นหนึ่ง สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้มาเยือนเป็นอย่างยิ่ง

        การเดินทางไปสู่เกาะอัลโฮน หากในฤดูร้อน สามารถเดินทางได้ด้วยเรือ แต่หากในฤดูหนาว อันเป็นฤดูยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย ทะเลสาบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นน้ำแข็ง สามารถขับรถข้ามไปบนเกาะได้ การเดินทางแม้ว่าจะใช้เวลายาวนานสักหน่อย และมีถนนหนทางที่ค่อนข้างลำบาก แต่แน่นอนว่าคุ้มค่าการรอคอย เพราะเมื่อเดินทางไปถึงเกาะอัลโฮน ธรรมชาติโดยรอบจะเป็นป่าสเตปป์ ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบน้ำแข็ง สีฟ้า ใสบริสุทธิ์ ดุจคริสตัล ใสจนสามารถมองเห็นฟองอากาศภายใต้ผืนน้ำแข็งได้ กิจกรรมหลักๆบนเกาะคือการขับรถบูฮัลก้า รถสะเทินน้ำสะเทินบก ขับเลียบชายฝั่ง บนผืนน้ำแข็งทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ชมน้ำแข็งรูปร่างแปลกตา หน้าผาสูงชัน และธรรมชาติที่หาที่ใดไม่ได้อีก

        แม้ว่าในปัจจุบันเกาะอัลโฮนจะมีการเติบโตจากกลุ่มคนที่มาสร้างโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่กลุ่มคนท้องที่แห่งทะเลสาบไบคาล อยู่ร่วมกับทะเลสาบมานับร้อยปี มีความผูกพันกับทะเลสาบ อนุรักษ์และรักษาทะเลสาบอย่างดี ทำให้ทะเลสาบคงความสมบูรณ์ งดงาม ดังเช่นตลอดมา