รัสเซีย : วึยบอร์ก เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อารยธรรมฟินน
สวัสดีชาว Pantip ทุกท่านนะคะ วันนี้ขอนำเสนอ One day trip ชิวๆ ง่ายๆ จากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) ประเทศรัสเซียไปยังเมืองชายแดนชื่อแปลกที่เรียกกันว่า วึยบอร์ก (Vyborg)
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าพวกเราเป็นนักศึกษาหญิงล้วน ที่มาเรียนภาคฤดูร้อนระยะสั้นในประเทศรัสเซีย ภาษารัสเซียของพวกเราไม่ได้ดีมาก แค่พอซื้อตั๋วรถไฟกับสั่งอาหารได้ เรียกว่าอยู่รอดไปวันๆได้เพราะการแถล้วนๆค่ะ ด้วยความที่มีชีพจรลงเท้าเป็นทุนเดิม ดังนั้นเวลาว่างของพวกเรานั้นจึงหมดไปกับการท่องเที่ยว
เพราะพวกเรายึดคติที่ว่าประสบการณ์นอกห้องเรียนนั้นหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว (นี่ก็แถ ความจริงคือหาเรื่องเที่ยวนั่นเอง)
ดังนั้นพวกเราจึงหาเมืองแปลกๆ ที่ยังไม่ค่อยมีคนไทยเคยไปสัมผัส เพื่อจะได้เที่ยวรัสเซียในมุมมองใหม่ๆมากขึ้น และทริปวึยบอร์กก็เป็นอีกทริปที่พวกเราประทับใจและตั้งใจนำมาแบ่งปันมุมมองการเที่ยวรัสเซียใหม่ๆให้เพื่อนๆได้รู้จักกันค่ะ
หลังจากที่ใช้เวลาถกเถียงหาข้อมูลกันอยู่นาน ในที่สุดโชคก็เข้าข้างพวกเราเพราะได้มาเจอทริปท่องเที่ยวของ Udachi ที่เคยพาคนไทยเที่ยวรัสเซียมาไกลถึงวึยบอร์ก ด้วยเสียงหัวใจที่เรียกร้อง อยากขอตามไปบ้าง จึงตัดสินใจหนีออกนอกเมืองมาค้นหาวึยบอร์กด้วยกันค่ะ
วึยบอร์ก เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อารยธรรมฟินน์
วึยบอร์กอยู่ไม่ห่างจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมากนัก พวกเราเดินทางกันโดยรถไฟ ซึ่งใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง
การเดินทางของเราเริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟินแลนด์ (FinlandskyVokzal) จากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พวกเราเลือกรอบรถไฟที่เช้าหน่อย คือเวลา 8.10 น. จะได้มีเวลาเดินเที่ยวกันนานๆค่ะ ราคาตั๋วรถไฟเที่ยวละ 243 รูเบิ้ล (คิดง่ายๆก็คือ 243 บาทนั่นเอง) แต่ด้วยความแบ๊วของพวกเราทำให้ได้ตั๋วราคานักเรียนที่ลดครึ่งราคามาอย่างสวยงาม เย่! สำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปวึยบอร์กนั้นก็ง่ายแสนง่าย เพราะสถานีที่ลงก็อยู่สุดปลายทางเลย และข้อดีของรถไฟรัสเซียคือตรงเวลามาก ไม่ดีเลย์เหมือนรถไฟประเทศเรานะคะ ฮ่าๆ
ตั๋วรถไฟสามารถซื้อได้ง่ายๆผ่านเคาเตอร์และตู้อัตโนมัติ (มีภาษาอังกฤษให้บริการด้วยนะคะ) ขึ้นรถไฟแล้วต้องห้ามทำตั๋วหาย เพราะจะมีคุณป้ามาตรวจตั๋วระหว่างทางด้วย อีกทั้งรถไฟสายนี้ยังมีความพิเศษตรงที่เป็น สายเดียวกันกับที่วลาดิเมียร์ เลนิน นั่งกลับจากฟินแลนด์มายังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพื่อกลับมาทำการก่อการปฏิวัติ เปลี่ยนระบอบการปกครองรัสเซียให้กลายเป็นสหภาพโซเวียต ฉะนั้นรถไฟสายนี้เลนินก็นั่งมาแล้วนะคะ (พักเบรคด้วยช่วงสาระ(ยังคง)มีอยู่จริง ฮ่าๆ) ใช้เวลานั่งกินหนมเม้าท์มอยจนเพลินมากันตลอดทางก็มาถึง วึยบอร์ก เรียบร้อย
ด้วยความที่กลัวเที่ยวไม่คุ้ม พวกเราไม่รีรอ ออกเดินเที่ยวกันเลยค่ะ อยู่ใน St. Petersburg จนชิน สถาปัตยกรรมต่างๆ ก็ออกแนวยุโรป แต่พอมาถึง วึยบอร์ก มันให้ความรู้สึกแบบ “นี่เรายังอยู่ในรัสเซียกันหรือนี่” จากที่แอบขโมยดูข้อมูล Udachi มาบ้าง ทำให้พวกเรารู้ว่าเมือง วึยบอร์ก เป็นเมืองเก่าของฟินแลนด์ที่สร้างมา ตั้งแต่ ศ.11-12 รัสเซียและฟินแลนด์พยายามตบแย่งเมืองนี้กันมาตลอด จนสุดท้ายเมืองนี้กลายเป็นของรัสเซียใน ช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ในที่สุด แต่สถาปัตยกรรมต่างๆ ตึกรามบ้านช่องยังคงกลิ่นอายของอารยธรรมฟินแลนด์ เรียกได้ว่าเที่ยวทีเดียวได้สองประเทศเลยค่ะ
เดินออกมาจากสถานีรถไฟ จะเห็นสวนสาธารณะใหญ่ๆ มีเรือถีบ แม้ว่าราคาอาจสูงไปนิด แต่การได้สัมผัสฟิลกลางอ่าวฟินแลนด์ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา แสงแดดสาดส่อง ลมพัดกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป อากาศสดชื่นมากจนแทบลอยเลยค่ะ
เป้าหมายของเราคือการไปชมปราสาทกลางน้ำที่ชื่อ Vyborg Castle (Выборгский замок) แต่ระหว่างทางตึกรามบ้านช่องสวยงามมาก ต้องแวะถ่ายรูป เซลฟี่กันมาตลอดทาง ที่แรกเลยที่เราแวะก็คือตลาด หรือเรียกในภาษารัสเซียว่า “รึยนัค” (Рынок) ซึ่งเดินจากสถานีรถไฟเลียบสวนสาธารณะมาเรื่อยๆ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของแฮนด์เมดกัน ปกติไปเที่ยวรัสเซียมาหลายที่ ขอบอกว่าของฝากทุกที่เหมือนกันหมด แม้แต่ในพิพิธภัณฑ์เองก็ตาม แต่ที่เมืองนี้ของฝากเค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ถุงมือ ถุงเท้า ของถักทอ ลายแบบนี้ไม่เคยเห็นในเมืองอื่นๆ ของรัสเซียมาก่อน ซื้อได้ให้ซื้อ เพราะไม่ต้องไปไกลถึงฟินแลนด์เลยค่ะ
หลังตลาดมีป้อมเก่าที่เรียกว่า Round Tower (Круглаябашня)ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบสวีเดน ในสมัยที่ปกครองฟินแลนด์ ปัจจุบันกลายเป็นร้านอาหารไปแล้ว นี่ถือเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองนี้เลยค่ะ
เช็คอินเรียบร้อย ฮ่าๆ แวะชมตลาดกันเสร็จเรียบร้อย เป้าหมายใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น สามารถมองเห็นป้อมปราการกลางน้ำของเราได้ใกล้ๆค่าเข้าชมป้อมราคา 10 รูเบิ้ล บวกค่าขึ้นชมวิวหอคอยอีก 40 รูเบิ้ลเท่านั้น ลักษณะปราสาทจะออกแนวโบราณๆ แต่มีความคลาสสิคในตัว ให้อารมณ์เหมือนปราสาทที่ซ่อนเจ้าหญิงราพันเซลไว้ ไม่ได้หรูหรา แต่ดูมีอะไร (แล้วมีอะไรล่ะ 555)
หอคอยนี้เค้าเรียกกันว่า Tower of St. Olav ซึ่งในอดีตเค้าเอาไว้ส่องศัตรู แต่ปัจจุบันพวกเราถือโอกาสแอบขึ้นมา
ส่องหนุ่มข้างล่างกันค่ะ ภายในบริเวณปราสาทจะมีเจ้าหน้าที่แต่งกายในธีมยุคกลางด้วย เข้ากับบรรยากาศสุดๆ
การเดินขึ้นไปบนหอคอยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันสูงมาก เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตามๆกัน ทันทีที่ขึ้นไปถึงข้างบน
รู้สึกดีมากๆ ได้เห็นรอบๆเมือง แม้ปัจจุบันจะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็รู้ได้เลยว่าเมืองนี้ต้องเคยยิ่งใหญ่มากๆในอดีต
สัมผัสอากาศปลอดโปร่ง มองลงมาเห็นอ่าวฟินแลนด์ สามารถชมเมืองจากหอคอยแบบ Panorama ได้ 360 องศา
กันเลยทีเดียว (เข้าใจเลยว่าทำไมราพันเซลล์ถึงทนอยู่บนยอดหอคอยจนผมยาวลากพื้นได้ขนาดนั้น)
ชื่นชมปราสามวึยบอร์กตามที่ตั้งใจกันไว้เรียบร้อย พวกเราก็ออกเดินทางต่อ แต่รอบนี้ขอหาที่นั่งชิว เม้าท์มอยกันตามสไตล์สาวๆกันดีกว่า ในที่สุดเราก็พบทำเลเหมาะๆ นั่นก็คือริมหาดของอ่าวฟินแลนด์นั่นเอง เล็งกันไว้ตั้งแต่อยู่บนหอคอย เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ก็ต้องเดินไปให้ถึงให้ได้ แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ
ขอแนะนำว่าการเดินทางไปนอกเมืองของรัสเซียนั้น ควรพกพาขนมและน้ำติดไม้ติดมือกันไปด้วย เพราะสำหรับบางเมือง นอกจากอาหารจะราคาสูงแล้ว ร้านค้ายังหายากอีกด้วย ทำให้ขนมที่แบกมาอร่อยเกิน กว่าที่เคยกินที่ไหนมาเลย (เพราะหิว)
ระหว่างทางขากลับพวกเราแอบแวะถ่ายรูปกับอุโมงค์และทุ่งหญ้า วิวสวยๆแบบนี้มันไม่ได้เห็นกันง่ายๆนะคะ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่รถไฟของเราจะต้องเดินทางกลับไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กอันเป็นแหล่งพักพิงของพวกเราค่ะ
โดยรวมแล้วทริปเที่ยวรัสเซียวันนี้ถือว่าประทับใจมาก เพราะเมืองวึยบอร์กเป็นเมืองสวยแต่แปลก ไม่เคยได้ยินมาก่อน สิ่งที่พบสิ่งที่เห็นก็ล้วนต่างจากที่ท่องเที่ยวอื่นๆมาก เรียกได้ว่า Unique สุดๆ ผู้คนในเมืองก็เป็นมิตรกว่าคนรัสเซียโดยทั่วไปสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย (บางส่วน) ดังนั้นคนไทยที่ไม่รู้ภาษารัสเซียเลยก็สามารถมาเที่ยวได้ค่ะ รับรองว่าจะประทับใจเหมือนได้ไปสัมผัสฟินแลนด์เลยทีเดียว แม้ว่าวันนี้ยังไปไม่ถึงฟินแลนด์ แต่เมืองนี้ก็ถือว่าเป็นตัวแทนได้สบายๆ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณท้องฟ้า สายลม แสงแดดที่สาดส่องให้เราได้มีรูปสวยๆมาฝากเพื่อนๆกัน ขอบคุณเพื่อนๆร่วมทริปที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้สนุกสุดๆ และสุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเที่ยวไปกับพวกเรานะคะ พวกเราจะจัดทริปเที่ยวรัสเซียใหม่ๆ แบบที่ “เห้ย มีด้วยหรอ?” มาฝากชาว Pantip กันอีกอย่างแน่นอนค่ะ แล้วใหม่พบกันใหม่นะคะ…
ข้อมูล: http://pantip.com/topic/32152859
No Comments