เมืองศูนย์กลางศาสนารัสเซียนออธอดอกซ์
“เซร์กีเยฟ ปาสาด” หรือ “ซากอร์ส” อีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกนิยมจะไปเยี่ยมชม
คิดว่าหลายๆท่านที่อ่านอยู่คงเคยไปมาแล้ว แต่ก็มาอ่านได้นะ เผื่อมีอะไรที่ยังไม่รู้ หรือถ้าใครไม่เคยไปก็ขอแนะนำให้ลองไปดูสักครั้ง
เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากมอสโคว์ประมาณ 70 กม. ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว
ที่นี่คือศูนย์กลางศาสนาคริสต์ออธอดอกซ์ของรัสเซีย ภาษารัสเซียเขาเรียกว่า ลาฟร่า (ЛАВРА) ซึ่งจะมีความแตกต่างกจากวัด โบสถ์ วิหาร ขอให้คำจัดกัดความว่า“อารามหลักของศาสนา” ในประเทศรัสเซียจะมรเพียง 2 แห่งเท่านั้น คือ ที่นี่และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งใหญ่เป็นอันดับรองจากที่นี่
ภายในสถานที่แห่งนี้จะประกอบด้วยโบสถ์ วิหาร หอระฆัง หอสวดมนต์ คล้ายๆกับวัดโบสถ์อื่นๆทั่วไป แต่จะมีความแตกต่าง คือ ที่นี่เป้นโรงเรียนสอนศาสนาและวิทยาการทั้งหมดของออธอดอกซ์ตั้งแต่มัธยมยันมหาวิทยาลัย อาทิ การวาดไอคอน การร้องเพลง เป้นต้น ซึ่งเข้าเรียนได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ว่าง่ายๆว่าเป็นจุดกำเนิดและแหล่งอนุรักษ์ศาสนาเลยก็ว่าได้
สถาปัตยกรรมทั้งหมดภายในล้วนเป็นของเก่าตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา ทยอยสร้างขึ้นทดแทนของเดิมที่เป็นไม้โดยซาร์หลากหลายพระองค์
ปาฎิหารย์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 700 ปีที่แล้ว!
ก่อนจะกลายเป็นอารามใหญ่ขนาดนี้ เมื่อก่อนเป็นแค่สำนักสงฆ์เล็กๆที่มีพระผู้ก่อตั้งสถานที่ขึ้น คือ พระซีร์เกย์ บำเพ็ญบุญอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ผ่านมาไม่นานคนตาบอกได้เดินผ่านวัดแห่งนี้ และใช้หน้าที่ไหลผ่านหน้าวัเดื่มกินและล้างหน้า กลายเป็นว่าตาที่บอดก็มองเห็นอีกครั้ง เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็ถูกเล่าต่อๆกันไปในหมู่บ้านต่างๆ
มาวันหนึ่งเด็กชายได้เสียชีวิตลงเพราะพิษไข้ พ่อแม่เดินทางมาที่วัดเพื่อให้พระซีร์เกย์ช่วยรักษาลูกตน พระได้สวดมนต์อำนวยพรให้เด็กผู้นั้น และในที่สุดเด็กกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
เรื่องเล่าต่างๆ ถูกกล่าวขานไปถึงเจ้าชายผู้ครองนครมอสโคว์ ในขณะนั้นรัสเซียได้ตกเป็นเมืองขึ้นแก่ข่านแห่งมองโกล มากว่า 100 ปีแล้ว เจ้าชายได้เดินทางมาคารวะพระซีร์เกย์และหารือถึงเรื่องการต่อสู้เพื่อเอกราช
พระซีร์เกย์ได้เดินทางไปทั่วแผ่นดินรัสเซีย เพื่อขอความช่วยเหลือจากเมืองต่างๆให้ส่งกองกำลังมาสนับสนุนเมืองมอสโคว์ ก่อนการออกทำศึก เจ้าชายได้ขอพรและถามพระท่า่นว่า “เราจะมีชัยหรือไม่?” พระไม่ลังเลที่จะตอบว่า “ชัยชนะจะเป็นของท่าน”
ในที่สุดการออกรบครั้งนั้นก็ทำให้รัสเซียได้รับชัยชนะเหนือมองโกลในรอบ 100 ปี และเป็นจุดเริ่มต้นในการประกาศอิสรภาพในเวลาต่อมา ในสมัยถัดมาๆจนถึงปัจจุบัน ผู้นำรัสเซียต่างเดินทางไปเคารพพระศพทางพระซีร์เกย์ ซึ่งมีความเชื่อว่าจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
จากรูปอาคารสีแดง คือ อาคารรับน้ำมนต์ ใช้สำหรับหน้าหนาว ส่วนด้านขวามือเป็นจุดรับน้ำมนต์กลางแจ้ง ซึ่งจะเปิดในช่วงหน้าร้อน สำหรับใครที่เข้าไปเยี่ยมชม อย่าลืมพกขวดน้ำไปกรอกน้ำมนต์ด้วย น้ำมนต์รับได้ฟรี แต่ขวดน่ะ…..เสียเงินนะ!
No Comments