Enter your keyword

วันเอกภาพแห่งมวลชนรัสเซีย

วันเอกภาพแห่งมวลชนรัสเซีย

ย้อนเวลากลับไปในรัสเซียช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ซึ่งยังคงปกครองโดยราชวงศ์แรกแห่งรัสเซีย “ราชวงศ์รูริค” 

ซึ่งดำเนินมาถึงซาร์คนสุดท้ายโอรสในพระเจ้าอีวานที่ 4 เป็นช่วงอำนาจภายในราชสำนักถูกสั่นคลอนด้วยเหล่าขุนนางที่โหยหาอำนาจ ประจวบเหมาะกับเพื่อนบ้านคลั่งศาสนาและอำนาจที่อยากเข้ามาปกครองและเปลี่ยนให้รัสเซียกลายเป็นคริสต์คาทอลิกแต่ไม่สำเร็จเสียที

ย้อนเวลากลับไปในรัสเซียช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ซึ่งยังคงปกครองโดยราชวงศ์แรกแห่งรัสเซีย “ราชวงศ์รูริค” ซึ่งดำเนินมาถึงซาร์คนสุดท้ายโอรสในพระเจ้าอีวานที่ 4 เป็นช่วงอำนาจภายในราชสำนักถูกสั่นคลอนด้วยเหล่าขุนนางที่โหยหาอำนาจ ประจวบเหมาะกับเพื่อนบ้านคลั่งศาสนาและอำนาจที่อยากเข้ามาปกครองและเปลี่ยนให้รัสเซียกลายเป็นคริสต์คาทอลิกแต่ไม่สำเร็จเสียที

ซาร์ฟีโอดอร์ที่ 1 (โอรสในซาร์อีวานที่ 4)

ซาร์ฟีโอดอร์ที่ 1
(โอรสในซาร์อีวานที่ 4)

เมื่อสิ้นรัชกาลสุดท้ายของราชวงศ์รูริค “พระเจ้าฟีโอดอร์ที่ 1” บัลลังก์รัสเซียตกไปอยู่กับขุนนางคนสนิทของฟีโอดอร์อย่าง “บอริส โกดูนอฟ” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อต้านอำนาจของกษัตริย์ผู้ไร้ซึ่งสายเลือดกษัตริย์

บอริส โกดูนอฟ

บอริส โกดูนอฟ

กลุ่มต่อต้านรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นทั้งยังขอยืมมือโปแลนด์ในการเข้ายึดบัลลังก์คืนจากขุนนาง นำโดย “เจ้าชายดมิทรี” ซึ่งอ้างว่าตนคือโอรสองค์เล็กในซาร์อีวานที่ 4 ซึ่งมีการล่ำรือกันว่าหายตัวไป

เจ้าชายดมิทรี อูกลิชสกี้ โอรสในซาร์อีวานที่ 4

ชาวนาและทาสผู้เสียผลประโยชน์และถูกกดขี่จากบอริส โกดูนอฟ เข้าสนับสนุนดมิทรีเพื่อขับไล่ขุนนาง รวมถึงกษัตริย์โปลที่หวังจะได้บัลลังก์รัสเซียตามคำมั่นสัญญาของดมิทรี ซึ่งจะยอมสวามิภักดิ์ต่อโปลหากตนได้เป็นซาร์แห่งรัสเซีย

ดมิทรีตัวปลอมที่ 1

ดมิทรีตัวปลอมที่ 1

วาระสุดท้ายของดมิทรีตัวปลอมที่ 1

วาระสุดท้ายของ
ดมิทรีตัวปลอมที่ 1

ดมิทรียึดครองบัลลังก์รัสเซียได้สำเร็จและสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าซาร์โดยไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านี่คือ “ซาร์จำแลง” โดยแท้เป็นเพียงลูกขุนนางที่มักใหญ่ใฝ่สูง จึงสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมา

ครั้งขึ้นปกครองรัสเซียแล้ว ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ประชาชนยังคงอดอยาก จนถูกขับไล่ออกจากบัลลังก์ สุดท้ายถูกฆ่าโดยขุนนางผู้ทรงอำนาจ “วาซิลี ชูสสกี้”

วาซิลี ชูสสกี้

วาซิลี ชูสสกี้

วาซิลี ชูสสกี้ ถูกผลักดันขึ้นครองบัลลังก์รัสเซียทันที แต่บ้านเมืองระส่ำระสายจนวาซิลีก็ไม่สามารถจะต้านทานได้ เมื่อเกิดกลุ่มกบฏชาวนาอีกครั้ง นำโดย “เจ้าชายดมิทรีตัวปลอมที่ 2” ยาตราทัพเข้ามาในรัสเซียและตั้งค่ายเตรียมเข้าจู่โจมพระราชวังเครมลิน

ดมิทรีตัวปลอมที่ 2

ดมิทรีตัวปลอมที่ 2

เหล่ากองทหารถูกสั่งให้เข้าปราบปรามและต่อต้านพวกกบฏอย่างหนัก โชคไม่ดีนักที่วาซิลี ชุสสกี้ได้เสียชีวิตลง พอดีกับกลุ่มโปลแต่งทัพใหญ่เข้ามายึดมอสโกได้สำเร็จ

วลาดิสลาฟ วาซาแห่งโปล

วลาดิสลาฟ วาซาแห่งโปล

รัสเซียสูญเสียผู้นำรวมถึงอธิปไตยทันที เมื่อโปลส่ง “วลาดิสลาฟ วาซา” เข้ามานั่งบัลลังก์เครมลิน ประชาชนชาวมอสโกต่างพากันอพยพมาทางตะวันออกเพื่อหนีพวกโปล สุดท้ายมาตั้งฐานที่มั่นที่เมือง   “นิชนีโนฟโกรัด” ตั้งอยู่ทางตะวันออกของมอสโก ซึ่งยังคงไม่ถูกรุกราน

ไม่นานมีการประชุมเรื่องการยึดคืนมอสโกจากเหล่าโปล จึงได้รวบรวมกองกำลังและอาวุธเกิดขึ้น คุสม่า มินิน พ่อค้าขายเนื้อในเมืองนั้น เป็นหัวแรงใหญ่ในการสนับสนุนเงินทองและเสบียงให้กับชาวบ้าน

“ตอนนี้แผ่นดินของเรากำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายมาช่วยบ้านเกิดของเราเถิด อย่ามัวตระหนี่น้ำใจของท่านในการกอบกู้ชาติครั้งนี้” คุสม่า มินินกล่าวไว้

มินินกลายเป็นที่นับหน้าถือตาของเมือง คนทั้งหลายหวังว่าเขาจะเป็นแม่ทัพนำพวกเขายึดเครมลิน แต่มินินได้พิจารณาแล้วว่าตนเองไม่เหมาะสมและไม่เชี่ยวชาญการนำทัพรวมถึงไม่มีศักดิ์และบารมีมากพอ เขาจึงขอให้เจ้าชายดมิทรี ปาชาร์สกี้ ขึ้นเป็นแม่ทัพในครั้งนี้

คุสมา มินินและเจ้าชายดมิทรี ปาชาร์สกี้

คุสมา มินินและเจ้าชายดมิทรี ปาชาร์สกี้

เจ้าชายปาชาร์สกี้เดินทางมาสมทบในการกอบกู้เครมลินในครั้งนี้ โดยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเกณฑ์ไพร่พลเข้าร่วมกับกองทัพ ในเวลา 2 ปี รัสเซียมีความพร้อมเพื่อโจมตีโปลในมอสโก

ปลายตุลาคม ค.ศ. 1612 กองทัพรัสเซียจากนิชนีโนฟโกรัดร่วมกันปลดปล่อยมอสโกจากโปลได้สำเร็จ และเข้ายึดครองพระราชวังเครมลินกลับคืนมาให้รัสเซียอีกครั้ง

ถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์รัสเซีย คุสม่า มินินและเจ้าชายปาชาร์สกี้ ถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษแห่งรัสเซีย และได้สร้างอนุเสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและความกล้าหาญของทั้ง 2 ท่านที่ได้ร่วมกันกอบกู้เอกราชของชาติกลับมาได้

ทัพรัสเซียเข้ายึดคืนมอสโกจากโปล

ทัพรัสเซียเข้ายึดคืนมอสโกจากโปล

เจ้าชายปาชาร์สกี้เดินทางมาสมทบในการกอบกู้เครมลินในครั้งนี้ โดยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเกณฑ์ไพร่พลเข้าร่วมกับกองทัพ ในเวลา 2 ปี รัสเซียมีความพร้อมเพื่อโจมตีโปลในมอสโก

ปลายตุลาคม ค.ศ. 1612 กองทัพรัสเซียจากนิชนีโนฟโกรัดร่วมกันปลดปล่อยมอสโกจากโปลได้สำเร็จ และเข้ายึดครองพระราชวังเครมลินกลับคืนมาให้รัสเซียอีกครั้ง

ถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์รัสเซีย คุสม่า มินินและเจ้าชายปาชาร์สกี้ ถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษแห่งรัสเซีย และได้สร้างอนุเสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและความกล้าหาญของทั้ง 2 ท่านที่ได้ร่วมกันกอบกู้เอกราชของชาติกลับมาได้

“วันเอกภาพแห่งมวลชนรัสเซีย”
หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า วันรวมชาติรัสเซีย จะมีการเฉลิมฉลองที่จตุรัสเดงและเมืองนิชนีโนฟโกรัด เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งที่ขับไล่โปแลนด์ออกจากมอสโกได้ในปี ค.ศ.1612

ภาพบรรยากาศการเฉลิมฉลองในทุกปี ณ กรุงมอสโก