Enter your keyword

Uncategorized

เที่ยวหมู่บ้านซิรินเช เมืองเก่าแก่ตุรกี สัมผัสวิถีชาวบ้าน ชิมไวน์รสเลิศ

  “เที่ยวหมู่บ้านซิรินเช เมืองเก่าแก่ตุรกี สัมผัสวิถีชาวบ้าน ชิมไวน์รสเลิศ” อูดาชีพารีวิวเที่ยวตุรกี หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม หมู่บ้านซิรินเช (Şirince) ตั้งอยู่ในจังหวัดอิซมีร์ของประเทศตุรกี มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่ตั้งที่สำคัญมีพื้นที่ให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตุรกี ตำนานเล่าว่าหมู่บ้านนี้ตั้งโดยทาสชาวกรีกโดยตั้งชื่อหมู่บ้านว่า“Çirkince” ซึ่งแปลว่า “น่าเกลียด” ในภาษาตุรกี เพราะไม่ต้องการการรุกรานจากคนอื่นกลุ่มอื่น ภายหลังในปี ค.ศ.1926 ผู้ว่าราชการจังหวัดอิซมีร์ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “Şirince” ซึ่งแปลว่า “น่าอยู่” ในภาษาตุรกี นักโบราณคดีได้ค้นพบเครื่องปั้นดินเผาบริเวณหมู่บ้านซิรินเช ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนในการก่อตั้งของหมู่บ้านตั้งแต่สมัยโบราณ มีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่ 1000 ปีมาแล้ว พบว่ามีหมู่บ้านจำนวน 7 แห่ง ไร่นา 11 แห่ง ระหว่างทางขึ้นหมู่บ้านจะสามารถพบเห็นท่อระบายน้ำเก่าแก่ที่ถูกสร้างในสมัยโรมันเนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเมืองเอฟฟิซุสในสมัยโบราณ การเที่ยวตุรกีเพื่อชมหมู่บ้านซิรินเช จะได้พบกับสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นการผสมผสานของศิลปะวัฒนธรรมตุรกีและกรีกอันแสนงดงามและดึงดูดใจ จนทำให้ซิรินเชเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตุรกีที่นิยมในหมู่คนตุรกีและชาวต่างชาติ ทัวร์หมู่บ้านซิรินเช สร้างบรรยากาศอันแสนอบอุ่นที่เต็มไปด้วยบ้านหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตามแนวขั้นบันได มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขา ไร่องุ่น ไร่มะกอก สวนส้ม และสวนพีช ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นของตุรกี เมื่อเดินเข้าสู่หมู่บ้านจะได้พบเจอกับบรรยากาศที่สงบสุข การต้อนรับจากคนในหมู่บ้านอย่างอบอุ่น อีกทั้งซิรินเชยังเป็นที่รู้จักกันดีเป็นเส้นทางไวน์อิซ์มีร์ ที่นี่มีไวน์ท้องถิ่นที่ผลิตจากไร่ไวน์ในพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถทดลองดื่มไวน์ผลไม้

ปราสาทปุยฝ้าย ปามุคคาเล่เมืองมหัศจรรย์ลานหินปูนสีขาว สปาน้ำแร่โบราณแห่งตุรกี

ปราสาทปุยฝ้าย ปามุคคาเล่เมืองมหัศจรรย์ลานหินปูนสีขาว สปาน้ำแร่โบราณแห่งตุรกี อูดาชีพารู้จักปามุคคาเล่  ปามุคคาเล่ (Pamukkale) หรือ ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) เป็นชื่อมาจากในภาษาตุรกีหมายถึงปราสาทปุยฝ้ายตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี หากเที่ยวตุรกีด้วยรถยนต์จะใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน โดยเมืองแห่งนี้มีสภาพอากาศอบอุ่นเกือบทั้งปี สถานที่ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเกิดจากน้ำแร่ที่ไหลลงมาจากภูเขาสูงทำให้เกิดลานหินปูนสีขาวที่สวยงามอุดมไปด้วยแร่คาร์บอเนต ความอัศจรรย์ของน้ำแร่ที่เมืองท่องเที่ยวตุรกีแห่งนี้มีคุณสมบัติทางการแพทย์เชื่อว่าสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญในจังหวัดเดนิซลี เมืองน้ำพุร้อนโบราณแห่งตุรกี สปาน้ำแร่แห่งตุรกีมีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปี เคยเป็นที่ตั้งของนครโบราณเฮียราโพลิส เป็นเมืองโบราณในอดีตที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากเป็นศูนย์การค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญ ในปัจจุบันไม่เพียงเป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของการเที่ยวตุรกีแต่ยังเป็นที่เก็บรวบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าทึ่งของประเทศนี้ไว้อย่างลงตัว การท่องเที่ยวตุรกีได้จับอันดับเมืองแห่งนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของตุรกี อีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยวตุรกีที่ได้รับยกย่องจากองค์กรยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เมืองปามุคคาเล่ถือเป็นประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การมาเยือน เพื่อค้นหาประวัติศาสตร์อันล้ำค่า เมืองต้องมนต์ แหล่งน้ำแร่โบราณ ความงดงามที่ถูกรังสรรจากธรรมชาติ ความสวยงามที่แปลกตาที่ไม่เหมือนใคร สถานท่องเที่ยวแนะนำ   ปราสาทปุยฝ้าย สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งปามุคคาเล่ มีบ่อน้ำพุร้อน 17 บ่อ มีอุณหภูมิตั้งแต่ 35 องศา ไปจนถึง 100 องศา บริเวณนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทริปตุรกีมาเยี่ยมชมเยอะที่สุดเพื่อชมความงามของหินปูนสีขาวนวลที่ส่องประกายแวววาวซึ่งมีรูปร่างอายุนับพันปีเกิดจากน้ำพุที่อุดมด้วยแคลไซต์ น้ำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุค่อยๆ หยดลงมาตามไหล่เขาและไหลลงมาตามขั้นบันไดแร่ลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง มองจากระยะไกลสถานที่แห่งนี้มีลักษณะคล้ายปราสาทสีขาวสวยงามเหมือนปุยฝ้าย มีพื้นที่ทอดยาวไปตามหุบเขา ในอดีตหลายพันปีก่อน ราวต้นศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช บ่อน้ำเหล่านี้ใช้เพื่อเป็นสปาร้อน ใช้เป็นบ่อน้ำร้อนทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วย  

เที่ยวคูซาดาซี เมืองท่าริมทะเลอีเจี้ยน ประตูสู่อดีตของตุรกี

    เที่ยวเมืองคูซาดาซี (Kuşadası) กับอูดาชี คูซาดาซีเป็นเมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรกี แม้เป็นเมืองเล็กๆ แต่มีประชากรมากถึง 130,000 คน เมืองท่องเที่ยวตุรกีแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอิซมีร์ 95 กิโลเมตร เป็นเมืองตากอากาศตุรกียอดนิยมบนชายฝั่งทะเลอีเจี้ยน ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลของตุรกีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง คูซาดาซีเป็นศูนย์กลางของศิลปะและวัฒนธรรมที่เก่าแก่ พบบันทึกการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล และในอดีตเคยเป็นที่ตั้งชุมชนของพ่อค้า ชาวประมงตามแนวชายฝั่ง นับเป็นเมืองท่าที่เก่าแก่อีกหนึ่งแห่งของเมืองท่องเที่ยวตุรกี ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาลจักรวรรดิโรมันเคยใช้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของศาสนาคริสต์ ก่อนถูกใช้เป็นเมืองท่าที่สำคัญในการติดต่อค้าขายกับเมืองอื่นๆ ในระหว่างสงครามประกาศอิสรภาพของตุรกี เมืองท่าแห่งนี้เคยถูกรุกรานโดยกองทัพอิตาลี กองทัพกรีก และถูกครอบครองโดยกองทัพตุรกี การมาท่องเที่ยวคูซาดาซีจะได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายและกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ เพลิดเพลินกับความสวยงามของทะเลอีเจี้ยนซึ่งถือเป็นไฮไลต์ในทริปตุรกี สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ   ปราสาทคูซาดาซี (Kusadasi Castle) ตั้งอยู่บนเกาะ Güvercinada เป็นเกาะทางตะวันตกของตุรกี นับเป็นปราสาทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 700 ปีที่ตั้งตระหง่านหนึ่งเดียวบนเกาะ ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกในอดีต กำแพงปราสาทมีความสูงถึง 3 เมตรล้อมรอบเกาะ ความงดงามของปราสาททำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2020 นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตุรกี นักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของทะเลอีเจี้ยนและเมืองคูซาดาซีจากปราสาท เพื่อเพลิดเพลินกับวิวทะเลที่สวยงามและบรรยากาศที่เงียบสงบ ปราสาทคูซาดาซีเป็นจุดท่องเที่ยวในตุรกีที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักประวัติศาสตร์และทิวทัศน์ที่งดงามของประเทศตุรกี เลดี้บีช

เที่ยวอิซมีร์ เมืองมรดกโลกริมทะเลอีเจียน ชมวัฒนธรรมกรีก-โรมันในตุรกี

  อิซมีร์ (Izmir) อีกหนึ่งหมุดหมายปลายทางของทริปต่างประเทศอันแสนโดดเด่น โดย อิซมีร์ เป็นมหานครในปลายสุดทางตะวันตกของแคว้นอานาโตเลีย เมืองอันดับที่สามที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศตุรกี อิซมีร์เป็นเมืองริมทะเลอีเจียนที่ล้อมรอบด้วยหุบเขา มีภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อน มีประชากรอาศัยประมาณ 3 ล้านคน อิซมีร์มีประวัติศาสตร์เมืองที่บันทึกไว้มากกว่า 3,000 ปี และมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 8,500 ปีในฐานะที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์นับตั้งแต่ยุคหินใหม่ ในสมัยโบราณคลาสสิก เมืองนี้เป็นที่รู้จักใน ชื่อ “สเมียร์นา” (Smyrna) และในภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอิซมีร์ซึ่งเป็นชื่อในภาษาตุรกีและทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในอดีตถือเป็นท่าเรือการค้าที่สำคัญของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของจักรวรรดิออตโตมัน เป็นเมืองศูนย์กลางของประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจที่ทันสมัย เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายความเป็นยุโรปเมดิเตอร์เรเนียน สถานที่ท่องเที่ยวตุรกีที่แนะนำ เอฟเฟส (Efes) หรือเอฟฟิซุส เมืองอารยธรรมกรีกโบราณเอฟฟิซุสหรือที่คนท้องถิ่นทั่วไปมักเรียกว่า เอฟเฟส เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลอีเจียนของประเทศตุรกีและใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศทางตะวันตก เป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของโลก และแหล่งท่องเที่ยวตุรกีที่สำคัญ ก่อสร้างโดยชาวกรีกเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล มีประวัติศาสตร์ตุรกีที่ยาวนาน ในยุคโบราณเอฟฟิซุสเป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมกรีก ก่อสร้างโดยชาวกรีก 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วง 400 ปีก่อนคริสตกาลเมืองโบราณแห่งนี้ถูกทำนุบำรุงโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช เอฟฟิซุสมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมกรีกโบราณ มีหลายโบราณสถานที่สำคัญในเอฟฟิซุส อาทิ โบสถ์พระแม่มารีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายพระแม่มารีแห่งแรกของโลก หอสมุดเซลซัสสร้างเพื่อถวายแก่บิดา

อิสตันบูล เมืองที่รวมเอาความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

อูดาชีพาเที่ยว อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่คนไทยนิยมมาเที่ยวตุรกีต่างแวะเวียนเป็นอีกหนึ่งทริปต่างประเทศที่น่าจดจำ อิสตันบูลเดิมชื่อคอนสแตนติโนเปิล ก่อตั้งเมื่อ 660 ปีก่อนคริสตกาล เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ถูกแบ่งออกจากกันด้วยช่องแคบบอสพอรัส ของทะเลมาร์มาราและช่องแคบดาร์ดาแนลส์ จึงตั้งอยู่ริมชายฝั่งอันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและโดดเด่นสำหรับการเที่ยวตุรกี เนื่องจากเป็นเมืองที่ประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกีและทวีปยุโรป อิสตันบูลจึงมีบทบาทเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศตุรกี เป็นที่ตั้งของจักรวรรดิต่างๆ ตั้งแต่ยุคโรมัน ไบเซนไทน์ และจักรวรรดิออตโตมัน เป็นศูนย์กลางทางศาสนาคริสต์และจุดเริ่มต้นการเผยแผ่คริสตศาสนาอย่างกว้างขวางในภูมิภาคนี้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1453 ไบแซนไทน์กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของจักรวรรดิออตโตมัน ส่งผลให้ศาสนามุสลิมเข้ามามีอิทธิพล ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสร้างบทบาทใหม่ในประวัติศาสตร์ของไบแซนไทน์ การท่องเที่ยวตุรกีจึงมอบความรู้เชิงประวัติศาสตร์เชิงศาสนาได้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้เมื่อเมืองอังการาได้รับการเลือกให้เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกี ในขณะเดียวกันเมืองไบแซนไทน์ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นอิสตันบูลในปัจจุบัน การเปลี่ยนชื่อนี้เน้นถึงการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์และการเจริญรุ่งเรืองที่เมืองได้รับหลังจากการเป็นเมืองหลวงของประเทศ อิสตันบูลต่อมากลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอิทธิพลทางทหารแห่งตุรกี รวมถึงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของประเทศในยุคปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งทริปต่างประเทศที่น่าสนใจ ด้วยความคล่องตัวของการขนส่งและการท่องเที่ยวที่เติบโตของเมืองอิสตันบูล ทำให้เมืองแห่งนี้ยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญและเจริญก้าวหน้าของตุรกีและทวีปยุโรปทั้งหลายในปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรป จึงทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับห้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในการเที่ยวตุรกี ท่ามกลางศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและความบันเทิง   สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำอิสตันบูล   จัตุรัสทักซิม (Taksim Square): พลาดไม่ได้สำหรับทริปตุรกีกับการแวะชมพื้นที่กลางใจของเมืองอิสตันบูลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรมการท่องเที่ยวตุรกี เป็นศูนย์รวมโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน เป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟใต้ดินที่สำคัญ คือ สถานี Taksim นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่เคยมีเหตุการณ์สำคัญอย่างการชุมนุมของประชาชน

เอฟฟิซุส นครโบราณอันยิ่งใหญ่ในตุรกี มรดกโลกที่ไม่ควรพลาด

เอฟฟิซุส นครโบราณอันยิ่งใหญ่ในตุรกี มรดกโลกที่ไม่ควรพลาด อูดาชีพาย้อนรอยนครโบราณอันแสนยิ่งใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวตุรกียอดนิยม เมืองเอฟฟิซุส (Ephesus) เมืองกรีกโบราณตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแคว้นอนาโตเลีย ปัจจุบันคือจังหวัดอิซมีร์ เอฟฟิซุสนับเป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อตั้งราว 100 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนกลายเป็นเมืองที่สำคัญอันดับสองของจักรวรรดิโรมัน รองจากกรุงโรม จากบันทึกทางประวัติศาสตร์พบว่านครโบราณแห่งนี้มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคหินใหม่ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก เคยถูกรุกรานโดยเอเธนส์ สปาร์ตา และเปอร์เซียจนเมืองนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ยกทัพเข้ามาปลดแอกเมืองแห่งนี้จากชาวเปอร์เซีย ทำการบูรณะเมืองใหม่จนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ของเอเชีย และในยุคไบแซนไทน์เมืองแห่งนี้มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากลำดับต้นๆ ของโลกจึงกลายเป็นเมืองสำคัญรองจากเมืองเยรูซาเลมและเมืองแอนติออค ก่อนที่เมืองนี้ค่อยๆ เสื่อมอำนาจลงอันเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวบ่อยครั้งและปัญหาของชายฝั่งร่นห่างจากตัวเมืองออกไปทำให้ประชากรในเมืองนี้อพยพไปอยู่เมืองรอบนอก อีกทั้งเกิดจากรุกรานจากต่างชาติทำให้เมืองเสียหายจนเป็นเมืองร้างในที่สุด ในปัจจุบันการท่องเที่ยวตุรกีจัดให้เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในตุรกีด้านความเก่าแก่โบราณที่ยังคงหลงเหลือสถาปัตยกรรมแบบกรีกและโรมันที่มีความสมบูรณ์ที่สุด นักท่องเที่ยวจะได้ชมโบราณสถานที่สร้างตามรูปแบบกรีกโบราณหรือเทวสถานอาร์ทีมิสสร้างด้วยหินอ่อนงดงามอ่อนช้อย สร้างเพื่อถวายแด่พระเจ้าอาร์เทมีส เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ที่คนกรีกนับถือ ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ               นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมเมืองโบราณเอฟฟิซุสได้จากทั้งประตูทางทิศเหนือและประตูทางทิศตะวันออก ภายในตัวเมืองมีสิ่งที่น่าสนใจร่องรอยโบราณสถานที่รุ่งเรืองในอดีต อาทิ โบสถ์พระแม่มารีสร้างขึ้นในสมัยเจ้าชายคอนสแตนตินมหาราชเพื่ออุทิศแด่พระแม่มารี ถนนเก่าแก่ที่มีความยาวถึง 500 เมตรประดับด้วยโคมไฟและรูปปั้นที่สวยงามเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนในอดีต โรงละครกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุคโบราณมีสถาปัตยกรรมแบบกรีกผสมโรมัน ลานศูนย์กลางการค้าเก่าแก่สำคัญของเมือง หอสมุดเซลซุสที่หรูหราและยิ่งใหญ่ วิหารเฮเดรียนที่ประดับตกแต่งด้วยเมดูซาสัตว์ในเทพนิยายกรีก บ้านเศรษฐีในยุคโบราณ น้ำพุแห่งทราจันสัญลักษณ์ของเมืองโบราณแห่งนี้ มหาวิหารแห่งอาร์เทมิสสร้างตามแบบกรีกโบราณ มหาวิหารเซนต์จอห์น พิพิธภัณฑ์โบราณคดีเอฟฟิซุส บ้านพระแม่มารี เป็นต้น เอฟฟิซุสจึงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายในตุรกีที่ไม่ควรพลาดชมในทริปตุรกี เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่มีควาสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ สะท้อนความรุ่งโรจน์ของอดีตที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน Map: https://maps.app.goo.gl/nSUesCbPf5fjuW6n9?g_st=i

เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวตุรกี ที่เมืองเซสเม หมู่บ้านกรีกริมอีเจี้ยนแห่งวัฒนธรรมผสม

เซสเม…หมู่บ้านกรีกริมทะเลแสนสวยในตุรกี พร้อมปราสาทประจำเมืองมรดกโลก เมืองเซสเม หมู่บ้านกรีกในตุรกี มาเที่ยวตุรกีทั้งที หากอยากชมบรรยากาศทางทะเลที่แสนสวยงาม ไม่ควรพลาดแวะชมเมืองเชสเมเชสเมตั้งอยู่ที่ปลายด้านตะวันตกสุดของตุรกี ห่างจากกรุงเอเธนส์ของประเทศกรีซไม่มากนัก มีลักษณะของเมืองที่ยื่นออกไปในทะเลอีเจี้ยน และตั้งอยู่ในจังหวัดอิซมีร์ เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอีเจี้ยนของตุรกี ชื่อ “เซสเม” แปลว่า “น้ำพุ” มีการอ้างอิงจากน้ำพุออตโตมันที่กระจายอยู่ทั่วเมือง ในอดีตเป็นที่ตั้งของนครอันเก่าแก่ที่ชื่อ Erythrai โบราณที่มีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ก่อตั้งขึ้นโดยชาวครีตัน เซสเมรุ่งเรืองมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคกลางของอาณาจักรออตโตมาน เนื่องจากเป็นเมืองท่าค้าขายระหว่างยุโรปตะวันตกและเอเชีย ก่อนที่ช่วงศตวรรษที่ 18 เซสเมถูกใช้เป็นที่ตั้งกองทัพเรือระหว่างกองเรือรัสเซียและออตโตมันในช่วงสงครามรัสเซีย-ตุรกี ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของเชสเม่เสื่อมสลายลงแต่ยังคงทิ้งคุณค่าแห่งอารยธรรมมากมาย ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2021 นักโบราณคดีที่นำโดย Elif Koparal ค้นพบซากปรักหักพังของวิหาร Aphrodite อายุ 2,500 ปี ขุดพบรูปปั้นผู้หญิงดินเผามีข้อความที่จารึกว่า “นี่คือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” อันเป็นเครื่องยืนยันว่าเซสเมเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าที่เป็นที่ตั้งของบ้านในชนบทและที่อยู่อาศัยสำหรับผู้อาศัยที่มีฐานะร่ำรวยในเมืองอิซมีร์มานานหลายศตวรรษในปัจจุบันเซสเมมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก จนกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลที่โดดเด่นที่สุดของตุรกี มีโรงแรม ท่าจอดเรือ คลับ ร้านอาหาร โรงแรมบูติก สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เมืองเซสเมตั้งอยู่ตรงข้ามช่องแคบที่หันหน้าไปทางเกาะคิออสของกรีซ ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ไมล์ มีเรือข้ามฟากให้บริการไปยังเกาะคิออส รวมถึงเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ไปยังอิตาลี (อันโคนา บารี

ชานัคคาเล่ เมืองตำนานแห่งม้าไม้ทรอยและมรดกสงครามโลก

  เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวตุรกีที่ชานัคคาเล่ อดีตเมืองสงครามสู่จุดหมายปลายทางยอดนิยม ชานัคคาเล่ (Çanakkale) ชานัคคาเล่ (Çanakkale) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางใต้ของดาร์ดาแนลส์ในประเทศตุรกี เชื่อมระหว่างทะเลอีเจี้ยนและทะเลมาร์มารา นับเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปีของตุรกี เป็นแหล่งกำเนิดความภาคภูมิใจของประเทศตุรกีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของช่องแคบที่แยกทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตุรกีที่น่าค้นหา แต่เดิมเมืองนี้เป็นที่ตั้งของป้อมปราการออตโตมัน เคยตกอยู่ใต้อาณานิคมของกรีก ลิเดียน เปอร์เซีย ออตโตมัน เมื่อเยือนชานัคคาเล่จะได้พบกับตำนานของม้าไม้จำลองเมืองทรอยที่ทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักมาก เป็นเมืองท่องเที่ยวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทหารที่มีประวัติศาสตร์สำคัญในประวัติศาสตร์โลก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารสัมพันธมิตรได้ยกพลขึ้นบกและทำการรบในสงครามกาลิโปลี (Gallipoli) ในปี ค.ศ. 1915 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษและฝรั่งเศสพยายามยึดครองดาร์ดาแนลโดยมีจุดประสงค์เพื่อยึดคอนสแตนติโนเปิล ยุทธการในครั้งนี้ถูกเรียกว่าชานัคคาเล  เมื่อก้าวเข้าสู่เมืองชานัคคาเล่ สิ่งแรกที่จะพบคือม้าไม้จำลองเมืองทรอยที่ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง ม้าไม้นี้มีมาจากตำนานการต่อสู้ที่ระหว่างกองทัพกรีกและกรุงทรอย สงครามนี้เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดนานนับสิบปี ซึ่งทหารกรีกได้เตรียมการโดยการสร้างม้าไม้เพื่อซ่อนตัว ชาวทรอยเห็นม้าไม้ถูกตั้งไว้หน้าเมือง เชื่อว่าทหารกรีกได้ถอยทัพและมอบม้าไม้เป็นของขวัญ จึงเข็นเข้าไปในเมือง ในคืนที่มืดมิดชาวทรอยนอนหลับหมด ทหารที่ซ่อนอยู่ภายในม้าก็ออกมาเปิดประตูให้ทหารกรีกเข้ามาทำการยึดครอง และเผาถ่านกรุงทรอยจนทำให้เมืองนี้ย่อยยับ ม้าไม้จำลองที่พบในเมืองชานัคคาเล่นี้ได้รับมาจากการถ่ายทำภาพยนต์ของวอเนอร์ บราเธอร์ ที่ใช้ถ่ายทำเรื่องทรอย หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาพยนต์ ม้าไม้จำลองถูกนำมาแสดงในชานัคคาเล่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 เป็นต้นมา  อย่าลืมที่จะแวะสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นตุรกีผ่านการเดินตลาดท้องถิ่นของเมือ ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นเพื่อพบกับรสชาติและวัฒนธรรมที่ทันสมัยของชานัคคาเล่ที่ตลาด Aynalı

“อันตาเลีย” มัลดีฟส์แห่งตุรกี

“อันตาเลีย” มัลดีฟส์แห่งตุรกี อูดาชีพาเที่ยวตุรกี สู่เมืองพักผ่อนสวยงามท่ามกลางภูมิทัศน์ธรรมชาติและซากปรักหักพังโบราณฉากหลังของรีสอร์ทติดชายหาด บนแนวชายฝั่งอันน่าหลงใหลของอันตาเลียที่ผสมผสานความลงตัวของเมดิเตอร์เรเนียนและตุรกีเข้าด้วยกันจนกลายเป็นชิ้นส่วนของตุรกีที่สมบูรณ์แบบ อันตาเลียเป็นเมืองที่สวยงามตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี ตามแนวที่เรียกว่า “Turkish Riviera” อันตาเลียถูกโอบล้อมด้วยชายหาด ภูเขา หน้าผาริมทะเล น้ำทะเลสีฟ้าครามใสดุจคริสตัล ท่ามกลางประวัติศาสตร์ตุรกีอันน่าทึ่ง อันตัลยา (Antalya) หรืออันตาเลีย ถูกก่อตั้งขึ้นในชื่อ “อัตตาเลอา” เป็นภาษากรีกโบราณ ซึ่งตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้งแอตตาลอสที่ 2 กษัตริย์แห่งเกาะเปอร์กามอน ต่อมาได้รับการพัฒนาเป็นภาษาตุรกีในชื่อ อันตัลยาหรืออันตาเลีย นับเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 5 ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอนาโตเลียที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาทอรัส เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในตุรกีบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีบันทึกการตั้งถิ่นฐานครั้งแรกเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาลโดยราชวงศ์อัตตาลิดแห่งเปอร์กามอน ใช้เพื่อเป็นฐานทัพเรือในอดีต ต่อมาถูกปกครองโดยชาวโรมันทำให้อันตาเลียเจริญรุ่งเรือง จนได้มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์ใหม่หลายแห่ง เช่น ประตูเฮเดรียน ความร่ำรวยของอันตาเลียส่งผลดีต่อการขยายตัวของเมืองใกล้เคียง พร้อมกันกับการแผ่ขยายอำนาจของจักรวรรดิออตโตมาน อิตาลี และตุรกี ปัจจุบันเมืองอันตัลยาถูกผลักดันจากภาครัฐและภาคเอกชนของตุรกีให้เป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลตุรกีที่มีชื่อเสียงที่สุดในตุรกีและได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาค ด้วยสถาปัตยกรรมความสวยงามแบบออตโตมาน เป็นที่ตั้งของโรงแรมหรู ร้านอาหาร คาเฟ่ถ่ายรูปชิลๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนในช่วงซัมเมอร์ นอกจากนี้อันตาเลียยังมีสถานที่ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าสนใจอีกมากมายให้สำรวจ อาทิ Kaleici ย่านริมทะเลอันเก่าแก่ของอันตัลยาซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโรมัน มีสถานที่สำคัญ ได้แก่ Hadrian’s Gate

“อลาคาติ” เกาะซานโตรินีในฝันแห่งตุรกี

“อลาคาติ” เกาะซานโตรินีในฝันแห่งตุรกี ตุรกีเปรียบเสมือนหีบสมบัติที่เต็มไปด้วยจุดหมายปลายทางอันน่าทึ่ง และบางครั้งอัญมณีที่ซ่อนอยู่ก็เป็นสมบัติที่แท้จริงของการท่องเที่ยวตุรกี หากพร้อมสำหรับการเดินทางออกนอกเส้นทางที่ไม่มีใครเคยพบเห็นในตุรกีไปพร้อมกับอูดาชี จะพบประสบการณ์ที่แท้จริงและการต้อนรับแบบตุรกีอันเลื่องชื่อ ดังเช่นอลาคาติ (Alaçatı) เมืองแนะนำปักหมุดในเส้นทางท่องเที่ยวของตุรกี ภูมิภาคที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นเอกลักษณ์ ตัวเมืองเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าค้นหา ตามประวัติศาสตร์ อลาคาติเคยเป็นเมืองเก่าของจักรวรรดิออตโตมันและกรีกโบราณ ถูกขนานนามว่า “Agrilia” เป็นแหล่งตั้งถิ่นฐานที่สำคัญสำหรับภูมิภาคอีเจียน ที่ผู้คนประกอบอาชีพทำการค้าทางทะเลและการเกษตร ถือเป็นศูนย์กลางการค้าที่รุ่งเรืองมากในอดีต ในศตวรรษที่ 14 อลาคาติ ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรออตโตมัน ในช่วงเวลานี้ชื่อเมืองได้เปลี่ยนเป็น “Alacaatli” ซึ่งหมายถึง หินหลากสีหรือมีลวดลาย ต่อมาในศตวรรษที่ 19 เมืองนี้กลายเป็นศูนย์การค้าและการพาณิชย์ที่สำคัญ ทำให้เกิดท่าเรือที่สำคัญสำหรับการส่งออกสินค้าต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก มะเดื่อ และไวน์ แต่ในภายหลังถูกลดบทบาทลงในฐานะเมืองท่าทางทะเลและทำให้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ย้ายออกไปยังภูมิภาคอื่น ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์เมืองเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเมืองได้รับการบูรณะในฐานะเมืองท่องเที่ยว ความงดงามของอลาคาติ ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศตุรกี บ้านเรือนถูกสร้างตามสถาปัตยกรรมของบ้านโบราณออตโตมันและกรีก ราวกับย้อนเวลาสู่ยุคโบราณ บรรยากาศของเมืองงดงามเหนือกาลเวลา ท่ามกลางถนนแคบที่มีทางเท้า โรงแรมบูติก และร้านอาหารริมถนนทำให้เมืองดูเหมือนเป็นภาพวาดที่น่าหลงไหล ด้วยภูมิประเทศที่ติดทะเลอันมีเสน่ห์ เมืองนี้จึงได้รับสมญานามว่า “ซานโตรินีแห่งตุรกี” บ้านเรือนส่วนใหญ่ทาสีฟ้า ขาว โทนเดียวกับรีสอร์ทต่างๆ บนเกาะซานโตรินี อลาคาติไม่เพียงแต่ได้รับการยกย่องในฐานะเมืองทางประวัติศาสตร์ของตุรกีและได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากรัฐบาลตุรกี แต่ยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง โรงงานไวน์ที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคเซสเม รวมถึงเป็นเมืองที่เป็นสถานที่จัดการแข่งขันวินด์เซิร์ฟระดับโลก